วันอาทิตย์ที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2552

สารคดี

( สุชัญญา วงค์เวสช์ เรียบเรียง )
มวยไทย มรดกชาติ

เมื่อถึงวันเสาร์ อาทิตย์ ฉันจะรู้สึกมีความสุขมากที่จะได้พักผ่อนในวันหยุดสุดสัปดาห์ได้นั่งดูรายการโทรทัศน์ที่โปรดปราน แต่ความสุขมักจะย่อมมีอุปสรรคมาขัดขวาง นั่นคือ พ่อชอบแย่งดูรายการ “มวยไทย” ตอนนั้นฉัน คิดว่ามันเป็นอะไรที่น่าเบื่อที่สุด และเป็นกีฬาที่รุนแรง แต่พอฝืนใจลองทนนั่งดู สักพักกับเห็นชาวต่างชาติให้ความสนใจในกีฬามวยไทยมาก มันทำให้ฉันคิดได้ว่าเราเองเป็นคนไทยควรที่จะอนุรักษ์ส่งเสริมกีฬาไทยซึ่งเป็นมรดกของชาติ ฉันเลยไปค้นคว้าหาความรู้เรื่องมวยไทยไว้เผยแพร่ต่อไปมวยไทยเป็นวิชาการต่อสู้และป้องกันตัวที่ยืนหยัดสืบต่อกันมาไม่น้อยกว่า 2,000 ปี มีลักษณะพิเศษแตกต่างไปจากมวยต่างประเทศ คือ มวยไทยต้องใช้อาวุธทุกส่วน และต้องอาศัยกำลังกาย กำลังใจ สติปัญญาในการต่อสู้ ซึ่งเป็นการต่อสู้โดยใช้อวัยวะเป็นอาวุธธรรมชาติที่มีมาแต่กำเนิดมวยไทยได้ขึ้นชื่อว่ากำเนิดขึ้นมาพร้อมกับการก่อร่างสร้างตัวของชาติ ในสมัยนั้นได้มีการรบราฆ่าฟันระหว่างชนชาติใกล้เคียงตลอดเวลา เพื่อแย่งชิง และครอบครองดินแดนต่างๆ ชาติไทยจึงต้องมีการเตรียมพร้อมที่จะรับมือกับข้าศึกเพื่อป้องกันชาติ ในสมัยนั้นอาวุธต่างๆยังไม่เจริญมากนัก คนโบราณจำเป็นต้องสู้รบโดยใช้อาวุธธรรมชาติ คือ หมัด ศอก เข่า เตะ เข้าต่อสู้กับเหล่าศัตรูทั้งหลาย เพราะเหตุนี้มวยไทยจึงได้รับความนิยมฝึกหัดในหมู่นักรบสมัยโบราณเรื่อยมา มวยไทยนอกจากจะเป็น การต่อสู้ที่ได้มีส่วนกอบกู้อิสรภาพ ในสมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราชแล้ว ยังเป็นศิลปะอีกแขนงหนึ่งที่ถือได้ว่าเป็นมรดก และสร้างชื่อเสียงให้กับ ชาติไทย นั่นคือ “การไหว้ครูมวย” เป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์แห่งความอ่อนน้อม ความกตัญญูต่อผู้มีพระคุณที่เคยมีต่อตน ก่อให้เกิดการหวนรำลึกถึง พระคุณครูบาอาจารย์ที่ประสิทธิประสาทวิทยาการมวยไทยให้ การไหว้ครูจึงส่งผลให้มวยไทยต้องประกอบไปด้วยลักษณะของการว่าง่าย ความรู้จริง กล้าหาญ อดทน มีน้ำใจและกตัญญูซื่อสัตย์ หากขาดข้อใดข้อหนึ่งไปแล้วก็จะไม่เรียกว่ามวยไทยที่สมบูรณ์ เมื่อพลิกประวัติศาสตร์ชาติไทย เราจะได้เห็นความสำคัญของมวยไทย ที่ได้แสดงออกถึงฤทธิ์เดชและอานุภาพที่ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ามวยชาติใดๆ นักมวยไทยที่สร้างความเลื่องลื่อของศิลปะมวยไทย ในดินแดนมอญ พม่า นั่นคือ นายขนมต้มที่สามารถปราบนักมวยเอกของพม่า 9 คน ติด ๆ กัน ต่อหน้าพระที่นั่งของพระเจ้าอังวะ ในงานฉลองยกฉัตร พระมหาเจดีย์ธาตุ ทำให้พระเจ้าอังวะถึงกับตบพระอุระตรัสสรรเสริญมวยไทยว่า “...ไทยมีพิษสงอยู่ที่ตัวแม้มือเปล่า ๆ ไม่มีอาวุธเลย คนเดียวแท้ ๆ ก็ยังเอาชนะคนได้เป็นจำนวนมาก มีฝีมือมวยแสนวิเศษ...” ต่อมาจึงมีคำกล่าวถึงมวยไทยและนายขนมต้มว่า

อันมวยใดไป่แม้น มวยไทย
หมัดเข่าเท้าศอกไว ว่องแท้
แม้ร่างเล็กแต่ใจเด็ดเดี่ยว จริงแฮ
มอญพม่าทั้งเก้าแพ้ พ่ายสิ้นมวยไทย
ขนมต้มนามท่านนี้ โด่งดัง จริงเฮย
ลับแต่ชีพนามยัง เด่นไซร้
เรานี้เกิดภายหลัง ยังทราบได้นา
นำเกียรติสู่ชาติได้ พรรคพร้องสรรเสริญ
จะเห็นได้ว่าตำนานของมวยไทยมีความสำคัญ และมีคุณค่ามากต่อชาติไทย
ที่มีส่วนในการป้องกันประเทศกอบกู้อิสรภาพให้ชาติ และยังสร้างชื่อเสียงอันเป็นเกียรติภูมิต่อประเทศ ถือได้ว่ามวยไทยเป็นมรดกที่คนไทยควรอนุรักษ์ และสืบสานต่อไป ศิลปะมวยไทยในปัจจุบันกำลังเสื่อมและสูญหายไป เพราะคนไทยไม่สนับสนุนและส่งเสริม แต่กลับไปให้ความนิยมกับศิลปะการต่อสู้ของชาวต่างชาติ มรดกชิ้นสุดท้ายทางวัฒนธรรมของไทยเริ่มเสื่อมลง เมื่อถูกชาวต่างชาตินำไปลอกเลียนแบบและตั้งเป็นศิลปะของเขา ซ้ำยังย่ำยีนักมวยไทยจนสลบคาเวทีต่างชาติมานักต่อนักแล้ว ... แบบนี้ลูกหลานคนไทยยังทนนิ่งดูดายต่อไปได้อีก
********************************************************************

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น